Lamborghini Gallardo LP560-4 ถึงทีของสำนักแต่งจากสวิตเซอร์แลนด์บ้าง BF Performance เพิ่งเสร็จสิ้นจากการทำชุดแต่งสำหรับ Lamborghini Gallardo LP560-4 ซุปเปอร์คาร์ขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของค่ายกระทิงดุ โดย BF Performance ใช้ชื่อชุดแต่งนี้ว่า GT600

ซึ่งสามารถใช้ได้กับทั้งรุ่น Coupe และ Spyder แรงจูงใจในการออกแบบชุดแต่งนี้ก็คือ BF รู้สึกว่า Gallardo ดูออกจะธรรมดาเกินไปในสายตาของบริษัทฯ(อาจจะเพราะขายดีและใช้กันเยอะ) ไม่ดูหวือหวาและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล(จะได้มีเหตุผลในการซื้อของแต่ง) งานนี้ BF เลยจัดแจงปล่อยชุดแต่งแอโรและหั่นน้ำหนักรถลงไปถึง 43 กิโลกรัม
ชุดแต่งแอโรรอบคันทั้งหมดทำด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งได้แก่ สเกิร์ตข้างใหม่ Diffuser หลัง และปีกหลัง ส่วนประตูปีกนกก็เป็นส่วนหนึ่งของชุดแต่งด้วยเช่นกัน BF เผยว่าได้ทำการปรับแต่งเครื่องยนต์ด้วยแต่ไม่ยอมเปิดเผยในรายละเอียด จากการปรับแต่งสมรรถนะและลดน้ำหนักของรถลงไป BF ยืนยันว่า อัตราเร่งของ Gallardo ใหม่นี้จะดีกว่ารุ่น LP640-4 SV และด้วยความแรงที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ต้องมีการใช้เบรคคาร์บอนเซรามิคสำหรับ การแต่งในครั้งนี้ด้วย

ภายในมีการใช้เบาะที่นั่งสไตล์สปอร์ทพร้อมเข็มขัดนิรภัย 5 จุด มีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์กับที่จับประตู ช่องอากาศภายใน ฝาครอบปุ่มสวิทช์ พวงมาลัย เพื่อให้แน่ใจว่ารถจะเบาลงกว่าเดิม นอกจากนั้นยังมีการติดตั้งกรง Rollover เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับและผู้โดยสารอีกด้วย

BF Performance เริ่มเปิดรับการสั่งซื้อแล้ววันนี้ โดยมี option ในการแปลงระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อไปเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลังอีกด้วยครับ


ก่อนที่จะไปเปิดตัวในงาน Tokyo Motor Show ที่ประเทศญี่ปุ่นปลายเดือนนี้ Honda ได้ปล่อยภาพรถรุ่นใหม่อีกรุ่นที่เป็นรถแนวคิดพลังงานไฟฟ้าขนาดจิ๋ว Honda EV-N ที่มีการออกแบบในสไตล์เรทโทร และมีรูปร่างเป็นกล่องคล้ายกับ Nissan Cube มากๆ EV-N ได้ถูกออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากรถขนาดเล็กรุ่น N360 ในยุคทศวรรษที่ 60 Honda EV-N เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าขนาด 4 ที่นั่ง และเช่นเดียวกับรถรุ่นใหม่อื่นๆที่ยังไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียดทางเทคนิค ก่อนงานมอเตอร์โชว์
Honda EV-N ใช้วัสดุผ้าหุ้มเบาะที่นั่งที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย หลังคามีการติดตั้งแผงกำเนิดไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มีการติดตั้งรถไฟฟ้าล้อเดียว U3-X บริเวณข้างประตูด้านใน และที่สำคัญมีการติดตั้งเทคโนโลยี HELLO ซึ่งจะช่วยทำให้รถคันนี้สามารถสื่อสารกับรถคันอื่นๆของ Honda ได้ ส่วนกำลังรถมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก 1 ตัวที่ต่อเชื่อมกับชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออนรุ่นล่าสุด
อย่างไรก็ตาม Honda ยังไม่มีแผนในการผลิตรถไฟฟ้ารุ่นนี้ออกมาจริงๆ ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะมีการเปิดเผยในช่วงงานมอเตอร์โชว์ที่โตเกียวปลายเดือน นี้ครับ
ที่มาautospinn.com




Ferrari 599 Hybrid เป็นอีกหนึ่งชุดภาพหลุดก่อนการเผยโฉมในงานมอเตอร์โชว์ระดับโลกอย่าง Geneva Motor Show แต่ครั้งนี้เป็นภาพหลุดของซุปเปอร์คาร์อันดับต้นๆของโลกอย่าง Ferrari ที่งานนี้เตรียมอวดโปรเจกท์รักธรรมชาติ โดยเตรียมเปิดตัวรถแนวคิด Ferrari 599 Hybrid ที่ค่ายม้าลำพองต้องหาจุดสมดุลย์ระหว่างความแรงและความรักษ์(ธรรมชาติ)ที่ลง ตัวให้ได้
ข่าวที่หลุดออกมาเผยว่า ระบบขับเคลื่อนส่วนหนึ่งจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 100 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 137 นิวตันเมตรที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของระบบส่งกำลังวางหลังโดยมีชุดแบตเตอรี่ ติดตั้งอยู่บริเวณใต้พื้นรถ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กำลังที่เพิ่มขึ้นจะไปช่วยชดเชยน้ำหนักของรถที่มากขึ้นประมาณ 100 กิโลกรัม ผลที่ตามมาก็คือ 599 Hybrid จะเร็วและแรงกว่า 599 รุ่นมาตรฐาน



 
ความฝันของชาวบิ๊กไบค์บางกลุ่มคือ อย่างเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยสองล้อคู่ใจในความเร็วสูง แต่ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุด
แม้ทุกวันนี้รถบิ๊กไบค์จะเป็นระบบจ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีดหมดแล้ว แถมยังให้อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่ต่ำ แต่ใครจะคิดล่ะครับว่า บิ๊กไบค์นั้นจะมีเป็นแบบไฟฟ้า

รถไฟฟ้ามีข้อเสียคือ ทำความเร็วได้ไม่สูงนัก และความจุของแบตเตอรี่ก็น้อย เดินทางไปได้ไม่ไกลก็ไฟฟ้าหมด แถมยังใช้เวลาในการชาร์จไฟต่อครั้งนานพอสมควร เรียกได้ว่า ความยืดหยุ่นในการใช้งานต่ำ แต่ข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าคือ ให้แรงบิดสูงในรอบเครื่องต่ำ การส่งกำลังออกมาเป็นลักษณะเส้นตรง คือสามารถทำแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ รอบแรกของการทำงาน
บริษัทมิชชั่นวัน จึงคิดโปรเจคสำคัญขึ้นมาคือ ผลิตรถบิ๊กไบค์ทรงสปอร์ต ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ไร้มลพิษ หรือ แรงแต่รักษ์โลก
เจ้ามิชชั่นวันคันนี้ ไร้เสียงและไร้ควัน เพราะทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นยานยนต์อนาคตที่ไม่ต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงที่คาดว่าจะหมดไปในอีก 30 ปีข้างหน้า ในส่วนของความเร็ว มิชชั่นวันสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 150 ไมล์ต่อชั่วโมง เรียกได้ว่าเร็วและแรงเป็นสถิติโลก แรงบิดสูงสุด 60 ไมล์ต่อชั่วโมง สูงกว่ารถเครื่องเบนซินทั่วไป
ที่สำคัญเจ้ามิชชั่นวัน ใช้แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน เมทิลไฮดราย ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถชาร์จไฟฟ้าซ้ำได้ยาวนานนับ 10 ปี สามารถวิ่งได้ไกลถึง 150 ไมล์ ด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว ว้าว!!!!
เจ้ามิชชั่นวันดีไซน์ในคอนเซปต์อนาคตและโลหะ เล่นสีสันที่สดใสคลาสสิก มีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2553 ราคาจำหน่ายประมาณ 68,000 ดอลลาร์สหรัฐ เก็บเงินรอกันได้เลย

 |